6 Insight สำคัญในอนาคต เรื่องงาน คน และองค์กร จาก Future of Jobs Report 2025
January 20, 2025
โดย ปิยะพร ขุนทองเอก, Marketing Associate, Pragma and Will Group
แชร์บทความนี้
ในช่วงเวลานี้ โลกของเรากำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะส่งผลต่อตลาดแรงงานโลกภายในปี 2030 โดยมีปัจจัยสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การแตกต่างทางภูมิเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว
เราจึงขอนำ Insight ที่น่าสนใจ จำนวน 6 หัวข้อ จาก Future of Jobs Report ปี 2025 โดย World Economic Forum มาแบ่งปันให้ผู้อ่านทุกท่านได้จับตามอง เรื่องสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไป ในด้านคนและองค์กร เพื่อวางแผนอนาคต และก้าวผ่านความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยทางเศรษฐกิจ
รายงานฉบับนี้รวบรวมข้อมูลจากผู้จ้างงานชั้นนำกว่า 1,000 ราย ครอบคลุมพนักงานกว่า 14 ล้านคน จาก 22 อุตสาหกรรมใน 55 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก
6 อนาคต เรื่องงาน คน และองค์กร และข้อมูลเชิงลึก สู่การวางแผนในอนาคต (Future of Jobs 2025)
1. ความเป็นผู้นำของ AI และการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล: เมื่อโลกดิจิทัลกำลังปฏิวัติรูปแบบการทำงาน พร้อมสร้างงานใหม่ 19 ล้านตำแหน่ง
เจาะลึกผลกระทบของ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเขย่าโลกการทำงาน พร้อมเผยตำแหน่งงานที่ต้องเร่งปรับตัว
โลกการทำงานกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเทคโนโลยีดิจิทัล ผลการสำรวจจากผู้จ้างงานชั้นนำทั่วโลกชี้ชัดว่า การขยายตัวของดิจิทัลจะสร้างงานใหม่มากถึง 19 ล้านตำแหน่ง แม้จะทดแทนงานเดิมไป 9 ล้านตำแหน่งก็ตาม
โดย 68% ขององค์กรเตรียมนำ AI และเทคโนโลยีประมวลผลข้อมูลมาใช้ ขณะที่อีก 56% มองว่าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะมีบทบาทสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่องานใน กลุ่มธุรการ การเงิน และการป้อนข้อมูล ทำให้องค์กรต้องเร่งปรับตัวและวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ข้อมูลที่น่าสนใจ:
- 60% ของนายจ้างระบุว่าการเข้าถึงดิจิทัลที่กว้างขึ้น เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงหลัก
- 68% คาดว่าจะนำ AI และเทคโนโลยีประมวลผลข้อมูลมาใช้
- 56% มองว่าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะมีบทบาทสำคัญ
- 41% คาดว่าเทคโนโลยีด้านพลังงานจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของพวกเขา
ตำแหน่งงานที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด:
- พนักงานไปรษณีย์
- พนักงานธนาคารและเสมียน
- พนักงานป้อนข้อมูล
- ผู้ช่วยฝ่ายบริหาร
- พนักงานบัญชีและการทำบัญชี
การปรับตัวทางธุรกิจ:
องค์กรต้องจัดสรรการลงทุนในด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการมีทีมแบบผสมผสานที่รวมความเชี่ยวชาญด้าน AI กับความรู้เฉพาะด้าน เพิ่มเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล อีกทั้งสร้างกรอบการกำกับดูแล AI และแนวทางจริยธรรมที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงทาง AI และ เทคโนโลยี คือ แรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดในตลาดแรงงาน โดยการขยายตัวของการเข้าถึงดิจิทัลจะสร้างงานใหม่ 19 ล้านตำแหน่ง แม้จะทดแทนงานเดิม 9 ล้านตำแหน่ง ซึ่งยังคงเป็นผลกระทบเชิงบวกโดยรวม
2. ส่องตำแหน่งงานมาแรง: Big Data นำทัพ FinTech และ AI พร้อมโอกาสทองในตลาดสีเขียว
อนาคตของการจ้างงานกำลังเปลี่ยนไป เตรียมพร้อมรับมือกับคลื่นลูกใหม่ของตำแหน่งงานที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ในขณะที่บางตำแหน่งงานกำลังถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ตลาดแรงงานกลับเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในกลุ่มงานด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน โดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data กำลังเป็นที่ต้องการสูงสุด ตามมาด้วยวิศวกร FinTech และผู้เชี่ยวชาญด้าน AI
นอกจากนี้ ยังมีความต้องการสูงในด้านความปลอดภัยไซเบอร์และเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะตำแหน่งวิศวกรสิ่งแวดล้อม วิศวกรพลังงานหมุนเวียน และผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการเติบโตของตลาดแรงงานที่มุ่งสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความยั่งยืน

จากภาพข้างต้น จะเห็นว่าตลาดแรงงานกำลังเปลี่ยนไปสู่ตำแหน่งงาน ที่เน้นด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน
ด้านเทคโนโลยี:
- ผู้เชี่ยวชาญ Big Data (เติบโตเร็วที่สุด)
- วิศวกร FinTech
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Machine Learning
- นักพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน
ด้านความปลอดภัย:
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความปลอดภัย
- นักวิเคราะห์ความปลอดภัยข้อมูล
ด้านเศรษฐกิจสีเขียว:
- วิศวกรสิ่งแวดล้อม
- วิศวกรพลังงานหมุนเวียน
- ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไร้คนขับ
การปรับตัวทางธุรกิจ:
องค์กรต้องพัฒนากลยุทธ์การหาคนเก่งเฉพาะทาง สร้างเส้นทางอาชีพและกรอบการพัฒนาที่เหมาะสมกับแนวโน้มความต้องการในอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนาพนักงานภายในองค์กร
3. ทักษะแห่งอนาคต: เมื่อการคิดวิเคราะห์และความยืดหยุ่น คือ กุญแจสู่ความสำเร็จ
เจาะลึกทักษะที่องค์กรต้องการ พร้อมเผยการพัฒนาตนเองให้อยู่รอดในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกำลังต้องการชุดทักษะใหม่จากแรงงานยุคดิจิทัล โดยการคิดวิเคราะห์ยังคงเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ความสามารถในการปรับตัว ความยืดหยุ่น และความคล่องตัวกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่แยกความแตกต่างระหว่างตำแหน่งงานที่เติบโตและถดถอย
ขณะที่ทักษะด้านความเป็นผู้นำและอิทธิพลทางสังคมเพิ่มความสำคัญขึ้น 22% และทักษะด้าน AI และ Big Data ก็เพิ่มขึ้น 17%
สะท้อนให้เห็นว่าการผสมผสานระหว่างทักษะด้านเทคโนโลยีและทักษะความเป็นมนุษย์จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต

การปรับตัวทางธุรกิจและการพัฒนาตนเอง:
องค์กรควรนำเกณฑ์การประเมินพนักงานกลับมา Revisit อีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจความต้องการในอนาคต value และ วัฒนธรรมองค์กรที่ต้องการส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติตาม อีกทั้ง อาจพิจารณาการเรียนรู้ข้ามสายงาน พัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ และการปรับตัว
4. ปฏิวัติกลยุทธ์กำลังคน: 85% ขององค์กรทั่วโลกเร่งอัพสกิล พร้อมใส่ใจสุขภาพพนักงานมากขึ้น
เมื่อการพัฒนาทักษะ และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานกลายเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในอนาคต
องค์กรทั่วโลกกำลังปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านกำลังคนครั้งใหญ่ โดย 85% วางแผนให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพนักงาน ขณะที่ 73% เร่งนำระบบอัตโนมัติมาใช้
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ 64% ขององค์กรให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการบริหารทรัพยากรบุคคล
ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถ แต่ยังให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การปรับตัวทางธุรกิจ:
เมื่อรูปแบบการให้ความสำคัญขององค์กร ให้น้ำหนักกับเรื่อง สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน และการพัฒนาพนักงานเป็นสำคัญ ดังนั้น จึงควรมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ที่สามารถติดตาม และนำมาทบทวนได้ว่ามีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ควรปรับปรุงตรงไหนในอนาคต อีกทั้ง พิจารณาเรื่อง Employee Wellbeing ในระดับบุคคลมากกว่าระดับกลุ่มมากขึ้น
5. อุปสรรคใหญ่ที่ท้าทายการเปลี่ยนแปลงองค์กร: จากช่องว่างทักษะถึงวัฒนธรรมที่ต้องปรับเปลี่ยน
เผยความท้าทายที่องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญ พร้อมแนวทางการรับมือเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคสู่ความสำเร็จ
แม้องค์กรจะตระหนักถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง แต่กลับต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ
โดยช่องว่างด้านทักษะเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดที่ 63% ขององค์กรกำลังเผชิญ ตามมาด้วยการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่ 46% กรอบกฎระเบียบที่ล้าสมัย ความยากในการดึงดูดคนเก่ง และข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ปัญหาเหล่านี้พบได้ในเกือบทุกอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายระดับโลกที่ต้องการการแก้ไขอย่างเป็นระบบ

องค์กรต่างๆ เผชิญความท้าทายหลัก ได้แก่:
- ช่องว่างด้านทักษะ (63%)
- วัฒนธรรมองค์กรและการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง (46%)
- กรอบกฎระเบียบที่ล้าสมัย (39%)
- ความยากในการดึงดูดคนเก่ง (37%)
- ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค (32%)
การปรับตัวทางธุรกิจ:
องค์กรควรนำความท้าทายต่าง ๆ ภายในมาจัดลำดับความสำคัญ และวางแผนแนวทางเดินหน้า เช่น ช่องว่างด้านทักษะ ต้องเข้าไปดูเชิงข้อมูลด้านคุณภาพ และปริมาณ ว่าภาพรวมของพนักงานมีช่องว่างทักษะในด้านไหน ลงไปถึงระดับกลุ่ม และระดับบุคคล เพื่อหาแนวทางพัฒนาที่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หรือพิจารณานำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเข้าถึงทักษะของพนักงานอย่างแม่นยำ และติดตามผลได้ในระยะยาว
6. ปี 2030: เมื่อมนุษย์และเครื่องจักรต้องทำงานร่วมกัน ใครจะเป็นผู้นำในสมรภูมิแรงงานยุคใหม่
เจาะลึกอนาคตของการทำงานที่มนุษย์และเทคโนโลยีต้องผสานกัน พร้อมเผยสัดส่วนการทำงานที่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ภายในปี 2030 โลกการทำงานจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการผสานระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี
โดยคาดการณ์ว่า 33% ของงานจะยังคงต้องใช้มนุษย์เท่านั้น 34% จะเป็นงานที่ใช้เทคโนโลยีล้วน และที่น่าสนใจคือ 33% จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร
การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้งานด้านความรู้กลายเป็นการทำงานแบบร่วมมือมากขึ้น งานประจำจะถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ ขณะที่การตัดสินใจที่ซับซ้อนจะต้องอาศัยทั้งมนุษย์และเทคโนโลยี ส่วนงานสร้างสรรค์และงานที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกจะยังคงเป็นบทบาทหลักของมนุษย์

การปรับตัวทางธุรกิจ:
องค์กรจำเป็นต้องนำหน้างานต่าง ๆ มากางดูว่า งานส่วนไหนต้องทำด้วยมนุษย์ ส่วนไหนใช้เครื่องจักร หรือ AI มาช่วยงานได้ หรืองานไหนควรทำงานแบบผสมผสานระหว่างมนุษย์และ AI เพื่อวางแผนกำลังคนในอนาคต และมุ่งพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับงานที่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
รายงานนี้แสดงให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงานที่ซับซ้อน ซึ่งความสำเร็จต้องอาศัยการสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการพัฒนาศักยภาพมนุษย์
กุญแจสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ คือ การสร้างกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่น มองไปข้างหน้า และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทั้งด้านมนุษย์และเทคโนโลยีไปพร้อมกัน
พร้อมก้าวสู่อนาคตของการทำงานไปด้วยกัน
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกการทำงาน การเตรียมความพร้อมขององค์กรและบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม เราเข้าใจดีว่าการปรับตัวสู่อนาคตของการทำงานนั้นเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกลยุทธ์ด้านกำลังคน การพัฒนาทักษะบุคลากร การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและศักยภาพมนุษย์
Pragma and Will Group พร้อมเป็นพันธมิตรในการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ ด้วยทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านคนและองค์กร กว่าหลายสิบปี
สนใจปรึกษาเรื่องการเตรียมความพร้อมองค์กรและบุคลากรของท่านสู่อนาคตของการทำงาน หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ในบทความ สามารถติดต่อเราได้ที่ Contact
#PragmaandWillGroup #FutureofJobs # FutureofJobs2025 #WorldEconomicForumReport #AI #Technology #JobGroth #EmployeeWellbeing #WorkforceStrategy #Humanmachine #HRTransformation
Reference:
World Economic Forum. (2025). Future of Jobs Report 2025. World Economic Forum
ติดตามบทความที่เกี่ยวข้อง
- เปิดโลก 5 HR Trends 2025 ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและโอกาสทางธุรกิจ Read More
- AI in HR – Explore โอกาสและแนวทางการนำ AI มาใช้ในงาน HR Read More
- สำรวจ Future of Work ปี 2025 เมื่อ AI มาแรง – ต้องแย่งชิง Talent – ความยืดหยุ่นในการทำงานเพิ่มขึ้น Read More