Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

No cookies to display.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

No cookies to display.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

No cookies to display.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

No cookies to display.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

No cookies to display.

“บริหารเวลา” ยังไง ให้เข้ากับมนุษย์วัยทำงาน?

August 17, 2023

โดย ปิยะพร ขุนทองเอก, Marketing Associate, Pragma and Will Group Co., Ltd.

แชร์บทความนี้

Facebook
Twitter
LinkedIn

จากสถิติพบว่า มีคนเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ที่มีการจัดการเวลาอย่างเป็นระบบ นอกนั้นมักใช้ Email Inbox เป็นเกณฑ์ในการจัดการงานต่าง ๆ

จากสถิติข้างต้น ถือเป็นเรื่องน่ากังวลของคนที่ต้องรับผิดชอบงานล้นมือ (1)

 

วันนี้เราจึงอยากให้ทุกคนทำความรู้จักกับ วิธีการบริหารเวลา ของ Stephen R. Covey ผู้เป็นคนเขียนหนังสือ The 7 Habits of Highly Effective People ที่มียอดขายกว่า 25 ล้านเล่มทั่วโลก และจากหนังสือ When: The Scientific Secrets of Perfect Timing โดย Daniel H. Pink ที่เป็นหนังสือที่หลาย ๆ คน กล่าวว่าอ่านแล้วสามารถเปลี่ยนชีวิตได้เลยทีเดียว เพราะมีแนวคิดช่วยให้เราสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีหลักเกณฑ์มากขึ้น 

 

ในทุกวันนี้ หลายคนอาจอยากได้เวลาเพิ่มเพื่อให้สามารถทำงานหรือพักผ่อนได้มากขึ้น แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเท่ากัน แต่ทำไมบางคน ถึงสามารถทำงานทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์ แล้วยังมีเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย และใช้เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงได้…

 

เราจึงรวบรวม Key Takeaway ที่น่าสนใจ จากหนังสือชื่อดังสองเล่มที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อเป็นตัวช่วยในการจัดสรรเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มี ให้ทุกคนได้ลองไปปรับใช้กัน

 

ประเด็นการบริหารเวลาที่น่าสนใจ มีดังนี้

1. จัดกลุ่มงานตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพื่อให้บริหารเวลาอย่างมีระบบมากขึ้น

Stephen R. Covey มีวิธีการจัดกลุ่มงานตาม Time Quadrants โดยใช้ Metrics เรื่อง ความเร่งด่วนของงาน และความสำคัญของงานเป็นตัวช่วยในการจัดกลุ่ม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามภาพ

 

การบริหารเวลา
รูปภาพจาก Humanskills.blog

 

  • ส่วนที่ 1 คือ งานที่เร่ง และมีความสำคัญ เช่น โปรเจคที่ใกล้ถึง Deadline หรือมีปัญหาที่ไม่ได้วางแผนไว้เกิดขึ้น
  • ส่วนที่ 2 คือ งานที่ไม่เร่งด่วน แต่มีความสำคัญ เช่น การวางแผนกลยุทธ์สำหรับโปรเจคที่กำลังจะเกิดขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า การใช้เวลาในการเรียนรู้ Skills ใหม่ ๆ ที่สำคัญในอนาคต 
  • ส่วนที่ 3 คือ งานที่เร่ง แต่ไม่ได้สำคัญมาก เช่น การเข้าร่วมประชุมที่เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องขนาดนั้น หรืองานเสริมอื่น ๆ ที่เข้ามาในระยะสั้น
  • ส่วนที่ 4 คือ งานที่ไม่เร่ง และไม่ได้สำคัญมาก เช่น งานเอกสารต่าง ๆ ที่ไม่ต้องรีบทำเพื่อส่งไปที่ฝ่ายอื่น และงานที่ไม่ได้สนับสนุนเป้าหมายขององค์กรโดยตรง เป็นต้น

 

สำหรับ Office Worker งานส่วนที่สำคัญ คือ Quadrant 1 และ 2 ที่ต้องอาศัยการวางแผน การพัฒนาตนเอง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เกี่ยวข้อง จึงต้องแบ่งเวลาส่วนใหญ่ให้กับ 2 ส่วนนี้ และย่นเวลาที่ใช้ใน Quadrant 3 และ 4 ให้น้อยลง

 

นอกจากเรื่อง เวลา เราต้องคำนึงเรื่อง พลังงาน (Energy) ที่ต้องเสียไปในแต่ละงาน และ ผลตอบแทน (Return) ที่ได้กลับมาด้วย อย่างเช่น Quadrant 1 และ 2 อาจใช้พลังเท่ากัน แต่ Quadrant 2 ได้ Return กลับมามากกว่า เพราะ Quadrant 1 เป็นสิ่งที่อาศัยการเข้าไป Take Action อย่างเร่งด่วน มีความเครียด ความกดดัน ส่วนใหญ่อาจเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเพียงแก้ไขปัญหาเสร็จ ก็จบไป เพราะฉะนั้น พยายามกำหนดขอบเขตเวลาในการทำงานประเภทนี้ เพื่อให้ไม่เสียพลังโดยสิ้นเปลืองและเวลาในการไปทำงานส่วนอื่น ๆ

 

2. เรียนรู้ที่จะ “ปฏิเสธ” จะช่วยให้บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในชีวิตการทำงาน มักจะมีงานแทรก หรืองานนอก ไม่ว่าจะมาจากบริษัทที่ทำงานอยู่ จากเพื่อน ๆ หรือคนรอบข้าง Stephen Covey จึงเน้นย้ำว่า เมื่อมีงานใหม่ ที่นอกเหนือจากหน้าที่ที่เราต้องทำอยู่แล้วเกิดขึ้น เราต้องเลือก “ตอบตกลง” และ “ปฏิเสธ” ให้ถูกงาน อย่า “Say Yes” กับทุกอย่าง 

 

เพราะในการทำงานแต่ละอย่าง สิ่งที่ต้องใช้เพิ่มอย่างแน่นอน คือ เวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าหวงแหนมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เราต้องคิดว่า สิ่งที่เราจะไปทำเพิ่มนั้น หากไม่ได้อยู่ในหน้าที่ของเรา งานนั้นจะสามารถสนับสนุนเป้าหมายในเชิงบุคคลเรามากแค่ไหน มีคุณค่าแค่ไหน ใช้เวลามากเพียงใด มีความสำคัญอย่างไร ฯลฯ ซึ่งเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับการบริหารเวลาของแต่ละคน และการจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน

 

ที่สำคัญคือ นอกจากจะมีเกณฑ์ในใจที่ชัดเจนแล้ว ว่าจะตอบตกลง หรือปฏิเสธ เราต้องยึดมั่นในหลักการคิดของตนเอง อย่าปล่อยให้พลังการโน้มน้าวครอบงำความคิดของตนเอง แล้วสุดท้าย ก็ Say Yes กับทุกงานที่เกิดขึ้น

 

3. สร้างประสิทธิภาพสูงสุดเวลาทำงานเป็นทีม

สร้าง Synergy ในการทำงานร่วมกันระดับทีม เพื่อสร้างการบริหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานโดยต้องประกอบไปด้วย การมี Open Communication ที่เปิดรับฟังทุกความคิดเห็น สามารถแสดงออกทางความคิด ผ่านการสร้างบรรยากาศให้สามารถพูดได้อย่างเปิดเผย และให้การประชุมมีประสิทธิภาพ เพราะได้ไอเดียที่หลากหลาย อีกทั้งสามารถ Feedback เพื่อต่อยอดไปสู่ความคิดที่ดีกว่ามากขึ้นเรื่อย ๆ จากการมี Open Communication ทำให้การประชุมหรือรวบรวมความเห็นต่อครั้ง สามารถสร้าง Value ได้มากกว่าเดิม

 

อีกทั้งการนำจุดแข็งของแต่ละคนในทีมมารวมกัน จะยิ่งทำให้การบริหารเวลาระดับทีมดียิ่งขึ้น เช่น การแบ่งงานตามความเชี่ยวชาญของสมาชิกทีม และให้ผู้ที่รอบรู้เรื่องนั้น ๆ รับผิดชอบงานดังกล่าวไป จะสามารถ Optimize Performance ลดความซ้ำซ้อนของงาน และเสริมจุดแข็งของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

4. หาเวลาพักจากงาน และใส่ใจเรื่อง Well-Being ของตนเอง เพื่อสร้าง Life Satisfaction อย่างยั่งยืน

หลาย ๆ คนอาจยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาสนใจมิติอื่น ๆ ในชีวิต ซึ่งอย่าลืมว่า ชีวิตเราไม่ได้มีแค่เรื่องงานอย่างเดียว Stephen Covey จึงนำเสนอแนวคิด “Sharpen the Saw” ที่หมายถึง หมั่นลับคมอยู่เสมอ

 

เขาได้เปรียบเปรยกับการเลื่อยไม้ ที่มีชายคนหนึ่งเป็นช่างเลื่อยไม้ และใช้เวลานานต่อการเลื่อยไม้ 1 ต้น ซึ่งหากคนนี้หยุดเลื่อย แล้วพักสักนิด เพื่อมาลับคมเลื่อยของตน จะทำให้สามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดแรงกว่าเดิมอย่างมาก เพราะเลื่อยมีความคมขึ้น อีกทั้งมีพละกำลังเพิ่มจากการพักผ่อนอีกด้วย

 

เช่นเดียวกับการใช้ชีวิต หากเราทำแต่งานอย่างเดียว แต่ไม่หยุดพัก และพัฒนาตนเองในด้านอื่น ๆ จะทำให้วันหนึ่ง เราจะหมดพลังได้เร็ว จากที่ไฟแรง อาจกลายเป็นหมดไฟได้

 

Stephen Covey กล่าวว่า อีก 4 ด้าน ที่เราต้องให้ความสำคัญในชีวิตนอกจากเรื่องงาน ประกอบไปด้วย

 

  1. Physical Dimension ด้านกายภาพ

หมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย ตั้งแต่การออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกหลักตามโภชนาการ พักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้จะสามารถเพิ่ม Energy Level ลดความเครียด และดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวมของเราได้ อีกทั้งเป็นการ Refresh ร่างกายและสมอง ให้พร้อมต่อการเริ่มต้นใหม่ในแต่ละครั้ง

 

  1. Mental Dimension ด้านจิตใจ

อย่าละเลยด้านจิตใจ หมั่นพัฒนาทัศนคติตนเองให้พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ และได้เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในอนาคต กิจกรรมที่สามารถส่งเสริมการดูแลด้าน Mental เช่น การอ่านหนังสือ การดูสารคดี การเดินชมพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน สามารถค้นหาตัวเองได้ง่าย ๆ ผ่านการทดลองทำทีละอย่างไป

 

  1. Social/ Emotional Dimension ด้านความสัมพันธ์

หมั่นรักษาความสมดุลทางอารมณ์ และอย่าหลงลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น หลาย ๆ คน เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยทำงาน คนรู้จัก มักจะกลายเป็น คนเคยรู้จัก เพราะฉะนั้น การนัดเจอกันบ้าง ไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาเลยสักนิด อีกทั้งอาจได้แนวคิดใหม่ ๆ ด้วย

 

  1. Spiritual Dimension ด้านสติปัญญา

หมั่นค้นหาว่า คุณค่าที่เรามองหา และความต้องการที่แท้จริงของเราคืออะไร และหมั่นทำสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงสิ่งเหล่านั้นให้ได้ หลายครั้งที่เราอาจเกิดคำถามว่า “เรากำลังทำอะไรอยู่” เพราะฉะนั้น อย่าลืมใช้เวลาในการค้นหาคำตอบเหล่านี้ด้วย กิจกรรมที่สามารถส่งเสริมความคิดเชิงนี้ได้ เช่น การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ ปราศจากสิ่งรบกวน หรือการเขียน Journal เพื่อ Reflect ในแต่ละวัน เพื่อสะท้อนความคิดตนเองอยู่เสมอ

 

จะเห็นได้ว่า มิติในชีวิตมีหลายด้านมาก ๆ ไม่ได้มีแต่เรื่องงานเท่านั้น การให้น้ำหนักมิติด้านอื่น ๆ ด้วย ทั้งด้านการดูแลตัวเอง การทำจิตใจให้พร้อมเรียนรู้ การรักษาความสัมพันธ์ และการพัฒนาตนเอง ล้วนเป็นสิ่งสำคัญทั้งสิ้น และสามารถสร้างความยั่งยืนในเชิงบุคคลได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

5. จัดสรรเวลาและประเภทงานตามนาฬิกาชีวภาพ หรือ Human Biological Clock อย่างเหมาะสม

จากหนังสือของ When: The Scientific Secrets of Perfect Timing โดย Daniel H. Pink ได้พูดถึงเรื่องของ นาฬิกาชีวภาพ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ ซึ่งหากนำไปปรับใช้กับการบริหารเวลา จะสามารถปรับใช้ได้ในเรื่องที่แต่ละคนมีช่วงเวลาที่จะทำงานประเภทต่าง ๆ แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว มักเป็นดังนี้

 

  1. ช่วง Peak มักเป็นช่วงเช้า

ช่วงเช้า จะเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่จะทำงานเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ การโฟกัสกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และการแก้ปัญหาที่ต้องใช้ความคิดต่าง ๆ

 

  1. ช่วง Trough หรือช่วงกลางวัน

ในช่วงเวลานี้ สมองเราได้ใช้งานมาซักพักแล้วจากการทำงานใช้ความคิดในช่วงเช้า เพราะฉะนั้น งานที่เหมาะที่จะทำในตอนนี้ คือ งาน Routine หรืองานเอกสารทั่วไป ที่ไม่ต้องใช้ทักษะการคิดมากเท่าตอนเช้า เพื่อเป็นการพักสมองในระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งหาเวลาพักให้ตัวเอง หรืองีบสั้น ๆ จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหลังจากนั้นได้

 

  1. ช่วง Recovery ที่มักเกิดขึ้นตอนเย็น

ช่วงนี้ จะเป็นช่วงที่ความคิดสร้างสรรค์ทำงานได้ดี จึงเหมาะกับการระดมความคิดหาไอเดียใหม่ ๆ และการเข้าสังคม 

 

หากนำเรื่องนาฬิกาชีวภาพไปใช้ในการทำงานจริง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก โดยการสร้างความสอดคล้องระหว่างช่วงเวลาและประเภทงานที่เหมาะสม หาเวลาพักสมองให้เข้ากับตนเอง และอย่าลืมเคารพถึงนาฬิกาชีวภาพของคนอื่น ๆ ด้วย หากพวกเขามีช่วงเวลา Peak Trough และ Recovery แตกต่างจากตน

 

ดังนั้น การบริหารเวลาที่ดี ต้องมีหลักเกณฑ์ในการแบ่งเวลา รู้จักปฏิเสธคนให้เป็น มีการประยุกต์ใช้การบริหารเวลาในระดับทีม ใส่ใจมิติอื่น ๆ ในชีวิตนอกจากงาน และจัดสรรการทำงานตามนาฬิกาชีวภาพ เพื่อใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ใช้เวลาอย่างมีคุณค่า และสร้างความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

#PWG #Pragmaandwillgroup #Timemanagement #การบริหารเวลา #The7HabitsofHighlyEffectivePeople #WhenTheScientificSecretsOfPerfectTimingRevenue

 

 

(1) Acuity training. (2022). Time management statistics and facts.  สืบค้นจาก Acuity training

 

 

ติดตามบทความต่อไปที่เกี่ยวข้อง

  • Work Life Balance VS Work Life Integration Read More
  • Generation Gap หนึ่งในความท้าทายในที่ทำงาน Read More
  • Case Study จาก Zappos องค์กรที่ติดอันดับที่ ๆ คนอยากเข้าทำงานมากที่สุด Read More
หากมีข้อสงสัยเรื่อง People & Organization สามารถติดต่อ Pragma and Will Group ได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้

ติดตาม Pragma and Will Group ได้ที่